อันตราย...อาหารผสมสารบอแรกซ์(ผงกรอบ)
น.พ.วิชัย โชควิวัฒน เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สำรวจการใช้สารบอแรกซ์ในอาหาร พบว่าปัจจุบันยังคงมีการใช้สารบอแรกซ์ในปริมาณสูงซึ่งจากสถิติผลการตรวจสอบอาหารที่ผ่านมา (ปี 2541-2544) พบสารบอแรกซ์ในขนมที่จำจากแห้ง เช่น แป้งกรุบ ลอดช่องสิงคโปร์ ซ่าหริ่ม ขนมครองแครง ผลไม้ดอง เช่น มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม เนื้อสัตว์ เช่น หมู่ ไก่ เนื้อ โดยเฉพาะชนิดบด ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เช่น หมูยอ ข้อไก่ทอด ซึ่งอาหารเหล่านี้มักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลาก ไม่ระบุชื่อที่ตั้งผู้ผลิต ซึ่ง อย.มีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้จำหน่ายมาโดยตลอดแต่ก็ยังมีผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายบางรายอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคนำสารบอแรกซ์ หรือที่เรียกชื่อทางการค้าว่าน้ำประสานทอง ผงกรอบ ผงกันบูด หรือเพ่งแซ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรม มาใช้ผสมในการผลิตอาหาร เพื่อให้อาหารมีความหยุ่นกรอบ และเป็นวัตถุกันเสีย รวมทั้งพบว่ามีการนำสารบอแรกซ์ไปละลายน้ำ แล้วทาหรือชุบเนื้อหมู่ เนื้อวัว เพื่อให้ดูสดอีกด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค เพราะสารบอแรกซ์จัดเป็นวัตถุห้ามใช้ในอาหาร เมื่อรับประทานเข้าไปจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยไตจะเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะต้องทำหน้าที่ขับถ่ายสารดังกล่า และหากร่างกายได้รับสารบอแรกซ์ในปริมาณสูง กระเพาะอาหารและลำไส้จะอักเสบ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อุจจาระร่วง ตับถูกทำลาย อาจชัก หมดสติ โดยเฉพาะเด็กและคนชราอาจถึงตายได้ เนื่องจากประสาทส่วนกลางถูกกด จึงขอเตือนผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารให้เห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค อย่าใช้สารบอแรกซ์ใส่ในอาหารโดยเด็ดขาด และโปรดระมัดระวัง อย่าเลือกอาหารที่มีลักษณะผิดธรรมชาติของอาหาร นั้นมาจำหน่าย และควรซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ หากไม่แน่ใจว่าอาหารที่นำมาจำหน่ายมีสารบอแรกซ์เจือปนอยู่หรือไม่ ควรทดสอบโดยใช้ชุดทดสอบบอแรกซ์ ซึ่งหาซื้อได้ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถ.ติวานนท์ จ.นนทบุรี หากผู้ไดฝ่าฝืนผสมสารบอแรกซ์ในอาหารจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที โทษฐานผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น