ค้นแล้วเจอจ้า

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กรุ๊ปเลืด Rh- Negative

      หลายคนคงจะรู้แล้วว่าตัวเอง มีกรุ๊ปเลือดอะไร A , B , AB และ O แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ากรุ๊ปเลือดของตัวเองมี Rh+ หรือ Rh- ต่อท้ายหรือเปล่า



ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติให้ข้อมูลว่า ทั่วไปคนเรามีหมู่เลือด 2 ระบบ คือ ระบบเอบีโอ(ABO System) และ ระบบอาร์เอช(Rh System) จำแนกตาม แอนติเจน(Antigen - สารที่เคลือบอยู่บนเม็ดเลือดแดง)

ในระบบ ABO จะแบ่งออกได้ 4 กรุ๊ปคือ A , B , AB และ O โดยที่ กรุ๊ป O พบมากสุด, A กับ B พบพอๆ กัน และ AB มีน้อยที่สุด

ในระบบ Rh จะแบ่งเป็นสองพวก
1. +ve หรือ Rh+ve คือ พวกที่มี Rh (Rhesus) Antigen บนเม็ดเลือดแดง พบมากในคนไทยเกือบทั้งหมด

2. -ve หรือ Rh-ve คือ พวกที่ไม่มี Rh (Rhesus) Antigen บนเม็ดเลือดแดง พบน้อยมากในคนไทยแค่ 0.3% บางครั้งเรียกว่า ผู้มีโลหิตหมู่พิเศษ จะพบมากขึ้นในชาวไทยซิกข์ อินเดีย หรือชาวต่างชาติ



แต่คนทั่วไปเข้าใจว่า พอรู้กรุ๊ปเลือดตัวเองว่าเป็น A , B , AB และ O แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่บนพื้นผิวของเม็ดเลือดแดงเดียวกัน ยังมีสาร C, D และ E ที่เป็นตัวกำหนดหมู่เลือดในระบบอาร์เอช ซึ่งมีอยู่ 2 หมู่คือ Rh+ (Rh + Positive) และ Rh- (Rh - Negative)

ในคนไทยส่วนใหญ่ 99.7 เปอร์เซ็นต์ ค่า Rh+ ขณะที่ค่า Rh - มีเพียง 0.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงเรียก หมู่โลหิต Rh-เป็นหมู่เลือดพิเศษ ซึ่งอันตรายมากหากเกิดอุบัติเหตุ เพราะจะหาได้ยากมาก มันจึงมีความสำคัญมากในบ้านเรา


การให้ และการรับเลือดในหมู่เลือด

คนเลือดกรุ๊ป Rh-ve ต้องรับจาก -Rh-ve เท่านั้น (หากคนเลือดกรุ๊ป Rh-ve รับเลือดจาก Rh+ve อาการข้างเคียงจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น ในครั้งถัดๆไป)


คนเลือดกรุ๊ป O รับได้จาก O เท่านั้น แต่ให้กับกรุ๊ปอื่นได้ทุกกรุ๊ป



คนเลือดกรุ๊ป AB รับได้จากทุกกรุป แต่ให้คนอื่นได้เฉพาะคนที่มีกรุ๊ป AB


คนเลือดกรุ๊ป A รับจาก A,O แต่ให้ได้กับ A,AB


คนเลือดกรุ๊ป B รับได้จาก B,O แต่ให้ได้กับ B,AB


ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉิน ผู้ป่วยต้องการ Rh- ในจำนวนมากเพราะว่ากำลังตกเลือดอย่างหนัก ก็มีวิธีแก้คือให้ Rh+ เข้าไปก่อน พอผู้ป่วยดีขึ้น เลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ผ่าตัดเย็บแผลแล้ว ค่อยเอา Rh- ที่มีไม่มากนักใส่เข้าไปตบท้าย เพราะ Rh+ที่ใส่เข้าไปในตอนแรกมันไปหล่อเลี้ยง แต่หลังจากนั้นมันจะออกมาเพราะตกเลือด

แต่การที่จะให้ Rh+ กับผู้ป่วยที่เป็น Rh- นั้น ทำได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น เพราะว่าร่างกายของผู้ป่วยเป็นเนกาทีฟ พอรับเอาเลือดโพสิทีฟเข้าไป มันจะมีการสร้างแอนตี้บอดี้ ทำให้เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย ถ้าให้ครั้งต่อไปอาจทำลายจนถึงขั้นตายได้


หมู่เลือด Rh หรือ Rh แฟกเตอร์ ( Rh blood group or Rh factor )

1. หมู่เลือด Rh เป็นหมู่เลือดที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงเวลาถ่ายเลือด

2. คนไทยมีหมู่เลือด Rh+ เกือบ100% ส่วนหมู่เลือด Rh- พบน้อยมากประมาณ 1 ใน 500 คนเท่านั้น

3. หมู่เลือด Rh+ หมายถึง เลือดที่เม็ดเลือดแดงมีแอนติเจน D อยู่ แต่ไม่มีแอนติบอดี้ในน้ำเลือด

4. หมู่เลือด Rh- หมายถึง เลือดที่เม็ดเลือดแดงไม่มีแอนติเจน D และในน้ำเลือดก็ไม่มีแอนติบอดี้ด้วย แต่สามารถสร้างแอนติบอดี้ได้เมื่อได้รับแอนติเจน D

ดังนั้นในการถ่ายเลือดให้ผู้รับ หากผู้ให้เป็นหมู่เลือด Rh+ และผู้รับเป็นหมู่เลือด Rh- ในครั้งแรกผู้รับจะไม่เป็นอะไร เนื่องจากแอนติบอดี้ ที่เกิดขึ้นยังมีน้อย

แต่ถ้าให้เลือดครั้งที่ 2 ผู้ให้เป็นหมู่เลือด Rh+ อีก จะเกิดอันตรายเนื่องจากแอนติเจน D จากผู้ให้จะกระตุ้นให้ผู้รับสร้างแอนติบอดี้ได้มาก และแอนติบอดี้ จะจับตัวกับแอนติเจน D ที่ผิวเม็ดเลือดทำให้ตกตะกอนเป็นอันตรายถึงตายได้

5. ชายมีหมู่เลือด Rh+ แต่งงานกับหญิงมีหมู่เลือด Rh- ลูกจะมีหมู่เลือด Rh+ เนื่องจาก Rh+ เป็นลักษณะเด่น

ลูกคนแรกจะปลอดภัยเนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดแดงของลูกพลัดหลงไปในระบบเลือดของแม่ผ่านทางรก กระตุ้นให้แม่สร้างแอนติบอดี้ต่อต้านเม็ดเลือดของลูกขึ้นมา แต่ในปริมาณน้อยและช้า




แต่ถ้าท้องถัดไป ถ้าลูกเป็น Rh- ก็จะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าลูกคนที่สองเป็น Rh+ อีก โอกาสเสี่ยงสูงมากในการเกิดโรคแทกซ้อน เช่น ภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง บางรายอาจถึงขั้นตาย


เพราะลูกคนต่อไปจะได้รับอันตรายจากแอนติบอดี้ของแม่ เนื่องจากแม่สร้างแอนติบอดี้ได้มาก เมื่อเลือดแม่ส่งอาหารเข้าไปเลี้ยงทารกโดยผ่านทางรก แอนติบอดี้ของแม่จะทำปฏิกิริยารวมตัวกับแอนติเจน ที่ผิวเม็ดเลือดแดงของลูก ทำให้เลือดลูกตกตะกอน และลูกจะตายก่อนเกิด โรคนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า อีรีโทรบลาสโทซิสฟีทาลิส ( erythroblastosisfetalis )

ดังนั้นถ้ารู้ว่าตัวเองมีกรุ๊ป Rh- แล้วเกิดตั้งท้อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเตรียมป้องกันแต่เนิ่นๆ

แต่ที่เป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้ จำนวนผู้บริจาคโลหิตหมู่พิเศษทั่วประเทศรวมกันไม่ถึง 6,000 คน แบ่งเป็นที่ศูนย์ในกรุงเทพฯ 2,898 คน และในต่างจังหวัดอีก 2,246 คนเท่านั้น

อันตราย...อาหารผสมสารบอแรกซ์(ผงกรอบ)

อันตราย...อาหารผสมสารบอแรกซ์(ผงกรอบ)

      อย.เตือนอันตรายจากสารบอแรกซ์ ที่ผู้ผลิตลักลอบผสมในอาหาร มีพิษร้ายถึงขั้นทำให้ไตล้มเหลวและตายได้ ย้ำ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหาร หากไม่แน่ใจว่ามีสารบอแรกซ์เจือปนมากับอาหารหรือไม่ ขอให้ทดสอบด้วยชุดทดสอบบอแรกซ์ก่อน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค


      น.พ.วิชัย โชควิวัฒน เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้สำรวจการใช้สารบอแรกซ์ในอาหาร พบว่าปัจจุบันยังคงมีการใช้สารบอแรกซ์ในปริมาณสูงซึ่งจากสถิติผลการตรวจสอบอาหารที่ผ่านมา (ปี 2541-2544) พบสารบอแรกซ์ในขนมที่จำจากแห้ง เช่น แป้งกรุบ ลอดช่องสิงคโปร์ ซ่าหริ่ม ขนมครองแครง ผลไม้ดอง เช่น มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม เนื้อสัตว์ เช่น หมู่ ไก่ เนื้อ โดยเฉพาะชนิดบด ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เช่น หมูยอ ข้อไก่ทอด ซึ่งอาหารเหล่านี้มักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลาก ไม่ระบุชื่อที่ตั้งผู้ผลิต ซึ่ง อย.มีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้จำหน่ายมาโดยตลอดแต่ก็ยังมีผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายบางรายอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคนำสารบอแรกซ์ หรือที่เรียกชื่อทางการค้าว่าน้ำประสานทอง ผงกรอบ ผงกันบูด หรือเพ่งแซ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรม มาใช้ผสมในการผลิตอาหาร เพื่อให้อาหารมีความหยุ่นกรอบ และเป็นวัตถุกันเสีย รวมทั้งพบว่ามีการนำสารบอแรกซ์ไปละลายน้ำ แล้วทาหรือชุบเนื้อหมู่ เนื้อวัว เพื่อให้ดูสดอีกด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค เพราะสารบอแรกซ์จัดเป็นวัตถุห้ามใช้ในอาหาร เมื่อรับประทานเข้าไปจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยไตจะเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะต้องทำหน้าที่ขับถ่ายสารดังกล่า และหากร่างกายได้รับสารบอแรกซ์ในปริมาณสูง กระเพาะอาหารและลำไส้จะอักเสบ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อุจจาระร่วง ตับถูกทำลาย อาจชัก หมดสติ โดยเฉพาะเด็กและคนชราอาจถึงตายได้ เนื่องจากประสาทส่วนกลางถูกกด จึงขอเตือนผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารให้เห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค อย่าใช้สารบอแรกซ์ใส่ในอาหารโดยเด็ดขาด และโปรดระมัดระวัง อย่าเลือกอาหารที่มีลักษณะผิดธรรมชาติของอาหาร นั้นมาจำหน่าย และควรซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ หากไม่แน่ใจว่าอาหารที่นำมาจำหน่ายมีสารบอแรกซ์เจือปนอยู่หรือไม่ ควรทดสอบโดยใช้ชุดทดสอบบอแรกซ์ ซึ่งหาซื้อได้ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถ.ติวานนท์ จ.นนทบุรี หากผู้ไดฝ่าฝืนผสมสารบอแรกซ์ในอาหารจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที โทษฐานผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดอกไม้มงคลนิยมปลูกไว้ที่บ้าน

ดอกดาวเรือง
ปลูกดอกดาวเรืองไว้ภายในบ้านหรือริมรั้ว
เป็นมงคลเสริมชะตาชีวิตให้รุ่งเรือง
เจริญก้าวหน้า
สีดั่งทองคำอร่าม เหลืองเรืองรอง
ก็เป็นมงคลหนุนให้มีเงินทองเต็มบ้าน
สามารถตัดดอกมาบูชาพระได้อีกด้วย



ดอกบานไม่รู้โรย
 บานไม่รู้โรยเป็นไม้มงคลนาม
ตามชื่อก็ให้มงคลอยู่แล้ว
จะช่วยเสริมดวงในเรื่องความรัก
ความผูกพันของคู่สามีภรรยา
ปลูกบานไม่รู้โรยไว้ในบ้าน
หรือตามแนวรั้วจะให้มงคล
ในด้านความมั่นคงยั่งยืนในรัก
ปราศจากความโรยรา
หรือผันแปรตลอดไป

ดอกยังนำมาร้อยเป็นมาลัยบูชาพระ
ได้อย่างสวยงามด้วย



ดอกแก้ว เป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมปลูกกันมาก
เพราะดอกแก้วนั้นมักจะส่งกลิ่นหอมเย็น
อย่างน่าชื่นใจอันเป็นเสน่ห์ของต้นไม้ชนิดนี้

แก้ว หมายถึง สิ่งที่ดีมีค่าสูง
เป็นที่ยกย่องยอมรับของคนทั่วไป
คนโบราณเปรียบ ของที่มีคุณค่าสูงว่าเป็น “ดั่งดวงแก้ว”
แก้ว อาจจะหมายความถึง ความใสสะอาด
และความสดใส
ดังนั้น คนโบราณจึงเชื่อกันว่า
ครอบครัวที่ปลูกต้นแก้วไว้ภายในบริเวณบ้าน
สมาชิกทุกคนก็จะมีจิตใจบริสุทธิ์สะอาด
เบิกบานแจ่มใสราวกับความใสของแก้วเลยทีเดียว
และยังเชื่ออีกว่า การปลูกต้นแก้วนั้น
จะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับบ้าน
เพราะคนในบ้านก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดีงาม ประพฤติดี
และได้รับการยกย่องจากคนทั่วไป



กุหลาบ
กุหลาบเป็นต้นไม้ที่ผู้คนทั่วไปต่างรู้จักดี
ดอกกุหลาบได้รับการขนานนาม
ให้เป็น “ราชินีแห่งดอกไม้”
เพราะมีรูปลักษณ์ และสีสันที่สวยงาม
จับตาของผู้พบเห็น

คนโบราณเชื่อว่าหากครอบครัวใดปลูกกุหลาบเอาไว้
ภายในบริเวณบ้าน ก็จะช่วยเพิ่มความสง่างาม
ให้แก่บรรยากาศบ้านได้เป็นอย่างดี
เพราะดอกกุหลาบที่ชูช่อบานนั้น
จะสวยงามโดดเด่นจนใครๆ ต่างก็ชื่นชม
ยังเชื่อกันอีกว่าหากปลูกต้นกุหลาบ
สมาชิกทุกคนภายในบ้านก็จะมีโชคลาภ
มีชีวิตที่ดี มีความฉลาดปราดเปรื่อง
มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

ดอกไม้ประจำวันเกิด


               วันนี้เรามีดอกไม้ ประจำวันเกิดมาให้อ่านกันค่ะ … ใครเกิดวันไหน ตรงกับต้นไม้ หรือดอกไม้อะไรก็อย่าลืมไปหามาปลูกนะคะ 

        เกิดวันอาทิตย์ 

          ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม 

          ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์

          คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย 


        เกิดวันจันทร์ 
          ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี 

          ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน 

        เกิดวันอังคาร 
          ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข

          ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้ 

        เกิดวันพุธ

          ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพ

          ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน 

        เกิดวันพฤหัสบดี 

          ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ 

          ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ 

        เกิดวันศุกร์ 
          ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน

          ส่วนดอกไม้ของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง 

        เกิดวันเสาร์ 
          จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด 

          ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จิตสาธารณะ





                                                                       สมาชิกในกลุ่ม

                                                       1.ด.ญ.นวลฉวี  โกมลวรรค เลขที่5
                                                       2.ด.ญ.เอื้อมเดือน  ระหงษ์ เลขที่10
                                                       3.ด.ญ.ชลธิชา  วงศ์ธัญญาการ เลขที่23
                                                       4.ด.ญ.ษณิษา  โชติเนตร เลขที่54

                                                                    มัธยมศึกษาปีที่3/4

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แนะนำสมาชิกในกลุ่ม













 1.ด.ญ.นวลฉวี         โกมลวรรค      เลขที่ 5

2.ด.ญ.เอื้อมเดือน       ระหงษ์       เลขที่10

       3.ด.ญ.ชลธิชา      วงศ์ธัญญาการ       เลขที่  23

4.ด.ญ.ษณิษา     โชติเนตร         เลขที่  54

       มัธยมศึกษาปีที่ 3/4